อาการเจ็บป่วยที่มักจะเจอได้บ่อย ๆ ก็คือการอักเสบ เมื่อมีการอักเสบก็จะทำให้ร่างกายรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของมนุษย์ก็สามารถเกิดการอักเสบได้หลายจุด มีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป และมีการรักษาที่ไม่เหมือนกันด้วย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการอักเสบ
การอักเสบ หรือ Inflammation คือการที่ร่างกายของเราตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายได้รับบาดเจ็บ เช่น การติดเชื้อจากเชื้อโรค การขาดเลือดหรือออกซิเจนจนทำให้เซลล์ของร่างกายตาย เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบ โดยร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดและเซลล์เม็ดเลือขาว ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกายโดยตรง
การอักเสบนั้นก็เหมือนกับเป็นกระบวนการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เพราะเมื่อมีเชื้อโรคเข้ามาทำลายเนื้อเยื่อ การอักเสบจะเป็นตัวขจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไป และยังช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายหรือได้รับความเสียหายจากสิ่งแปลกปลอมได้อีกด้วย
ร่างกายของคนเรานั้นมีความหัศจรรย์มาก ๆ อย่างเช่นอาการเจ็บป่วยที่เป็นการอักเสบของร่างกายก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยทำให้เราสามารถป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้ และยังเป็นตัวบอกได้อีกว่า ร่างกายของเรากำลังไม่ปกติ อาจจะมีจุดไหนสักจุดที่กำลังป่วยอยู่
ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง โรคหลอดเลือดแดง หรือโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าการอักเสบก็เปรียบเสมือนเป็นระบบภูมิค้มกันอย่างหนึ่งในร่างกายของมนุษย์ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าไปในร่างกายได้ จึงมีการอักเสบมาเพื่อขจัดสิ่งเหล่านั้นออกมา แต่การอักเสบก็ส่งผลต่อร่างกายและทำให้เกิดความเจ็บปวดเช่นกัน โดยแต่ก่อนการรักษษอาการอักเสบต่าง ๆ ก็มักจะพึ่งพาการใช้ยาประเภทสเตรียรอยด์ เพราะรักษาได้ผลดีและหายไว แต่ก็มีผลข้างเขียงเยอะเช่นกัน แต่เมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ดีขึ้น มีการคิดค้นและพัฒนายาอยู่ตลอด ทำให้สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสเตียรอยด์กันทุกกรณีแล้ว จะเลือกใช้แค่กับอาการอักเสบที่รุนแรงหรือเฉียบพลันเท่านั้น
การอักเสบของผิวหนัง จะเกิดขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นจะมีอาการบวม แดง เป็นผื่นคัน ถ้ามีอาการรุนแรงก็อาจจะเกิดเป็นตุ่มน้ำ แผลพุพอง มีหนอง ซึ่งโรคที่มักจะเป็นเพราะการอักเสบของผิวหนัง เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคผื่นผิวแห้ง โรคเซบเดิร์ม และโรคผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มใส เป็นต้น
การอักเสบของหลอดเลือด เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดที่เกิดได้ทั้งหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ แบ่งได้หลายประเภทตำแหน่งที่เกิดการอักเสบ ซึ่งเมื่อเกิดการอักเสบที่หลอดเลือดก็จะส่งผลเสียอย่างแน่นอน เพราะทำให้มีเลือดออกที่หลอดเลือด และทำให้หลอดเลือดบางหรือตีบได้ การลำเลียงออกซินเจนและสารอาการต่าง ๆ ในร่างกายก็จะไม่ปกติ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหัว อ่อนล้า เหนื่อย มีไข้ เบื่ออาหาร ปวดตามร่างกาย มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง รู้สึกชาและคัน
การอักเสบของช่องคลอด เป็นภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่ผู้หญิงหลายคนมักจะต้องเจอ เพราะปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ๆ เช่น การใช้ผ้าอนามัย การใส่กางเกงรัดรูป การสวนล้างช่องคลอด เป็นต้น ถ้าใครที่มีภูมิต้านทานต่ำ ก็ยิ่งติดเชื้อได้ง่าย อาการของช่องคลอดอักเสบ คือ มีตกขาวมากผิดปกติ มีกลิ่นและสีที่แปลกไป มีอาการคันหรนือแสบร้อนในช่องคลอด ตกขาวมีเลือดปนมาด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยารักษาก่อนที่จะมีอาการรุนแรง
การอักเสบของกล้ามเนื้อ เป็นอาการของคนที่มักจะต้องใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก หรือมีการใช้งานกล้ามเนื้อผิดท่า จึงเกิดการอักเสบขึ้น อาการที่พบบ่อย ๆ ก็คือรู้สึกปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อ ถ้าขยับก็จะรู้สึกเจ็บ และอาจจะมีอาการบมตรงบริเวณที่อักเสบ ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจจะกลายเป็นการอักเสบเรื้อรังได้ ควรงดใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นก่อน สามารถใช้การนวดประคบ กินยาหรือทายาแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
ปอดอักเสบ หรือ โรคปอดบวม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อโรคอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเกิดจากการหายใจเอาฝุ่นควันหรือมลพิษเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่ค่อนข้างมาก จึงส่งผลต่อปอดโดยตรง อาการของโรคนี้คือ มีอาการไอแบบมีเสมหะ หายใจเร็ว หอบ และหายใจลำบาก เวลาไอจะรู้สึกเจ็บหน้าอกมากเป็นพิเศษ ส่วนการรักษาโรคปอดอักเสบนั้นจะเป็นไปตามการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากหลายสาเหตุ แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อจนอักเสบได้นั้นก็มีทั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส อาการของโรคนั้นจะคล้าย ๆ กันคือ มีไข้ขึ้นสูงกะทันหัน ปวดหัวอย่างรุนแรง คอแข็ง ก้มคอไม่ได้ ปวดตามข้อ เบื่ออาหาร กลืนอาหารได้ลำบาก มีอาการแพ้แสงหรือไวต่อแสงมากกว่าปกติ อาเจียน มึนงง เบลอ สับสน ชัก ถ้าอาการรุนแรงจะค่อย ๆ ซึมและหมดสติ การดูแลผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบนั้นจำเป็นที่จะต้องแยกผู้ป่วยออกจากผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ควรให้อยู่ในห้องที่เงียบสงบและมืดสลัว เพื่อป้องกันการกระตุ้นจากเสียงและแสง
สาเหตุของการเกิดโรคท่อปัสสาวะอักเสบนั้นมักจะมาจากการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาจจะเกิดจากการติดเชื้ออื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับโรคทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย อาการเริ่มต้น คือ รู้สึกปวดแสบหรือรู้สึกขัดเวลาปัสสาวะ และปัสสาวะอยู่บ่อย ๆ บางรายอาจจะมีการรุนแรงถึงขั้นปัสสาวะเป็นเลือดเลยก็ได้ ซึ่งตัวน้ำปัสสาวะที่ปล่อยออกมามักจะมีสีขุ่น กลิ่นฉุนมากกว่าปรกติ ถ้ารู้สึกว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาให้เร็วที่สุด
หนังตาของคนเรานั้นจะมีต่อมไขมันอยู่ ถ้าเกิดการอุดตันของต่อมไขมันเหล่านี้ ก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง และรุนแรงไปจนถึงขั้นเกิดการอักเสบ โรคหนังตาอักเสบนั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ การอักเสบบริเวณหนังตาส่วนหน้า และการอักเสบบริเวณส่วนหลัง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคหนังตาอักเสบได้ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา การได้รับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ไรฝุ่น การใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตาเป็นประจำ หรืออาจจะเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ ตาแห้ง เยื่อบุตาอักเสบ เป็นต้น
ไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากการที่อาหารที่เรากินเข้าไปแปรสภาพเป็นอุจจาะระ มีการแข็งตัวแล้วไปอุดตันอยู่ตรงบริเวณไส้ติ่ง เกิดเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย หรืออาจจะเกิดจากภาวะต่อน้ำเหลืองโต ทำให้แรงดันในไส้ติ่งสูงขึ้น จึงทำให้ไส้ติ่งอักเสบ ส่งผลให้ปวดท้องบริเวณด้านล่างขวา ถ้าไส้ติ่งอัดเสบเฉียบพลันแล้วไม่สามารถผ่าตัดได้ทันเวลาก็อาจจะทำให้ไส้ติ่งแตกจนเสียชีวิตได้
ปากนกกระจอก สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อราที่ผิวหนัง การติดเชื้อจากน้ำลาย เมื่อมีการเลียปากบ่อย ๆ ก็ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย ทำให้ติดเชื้อจนกลายเป็นโรคปากนกกระจอก นอกจากนี้ยังเป็นเพราะขาดสารอาหารประเภทวิตามินบี 2 และธาตุเหล็ก ในช่วงเริ่มต้นมักจะเกิดอาการระคายเคืองที่บริเวณมุมมาก รู้สึกปวดแสบปวดร้อน เกิดตุ่มพอง มีรอยแดง มีของเหลวหรือเลือดไหลออกมาจากปากแผล รู้สึกคันตรงบริเวณปากหรือตรงรอยแผล ถ้าหามีการดูแลและทายาเป็นประจำ สามารถหายเองได้ภายใน 7-10 วัน