เมื่อร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอม หรือมีปัจจัยต่าง ๆ มากระตุ้น ก็มักจะมีการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไป แต่จะมีอาการที่หลายคนมักจะต้องเคยเป็นก็คือ อาการผื่นบวมแดงที่นูนออกมาบนผิวหนัง บางครั้งก็มีอาการคันร่วมด้วย ถ้าอยากรู้ว่าคืออะไร และมีการป้องกันรักษาอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากกัน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ โรคลมพิษ
โรคลมพิษ คือ อาการผื่นคันที่มักจะเกิดขึ้นบริเวณผิวหนังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยจะมีลักษณะเป็นผื่นนูนแดงขึ้นเป็นปื้นทั้งขนาดใหญ่และเล็ก อาการเหล่านี้สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่แล้วอาการจะไม่หนักมาก จะมีผื่นขึ้นอยู่ประมาณ 24 ชั่วโมงงแล้วก็จะหายไป แต่บางครั้งก็อาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการหายใจติดขัด แน่นจมูก ปวดท้อง ถ้ามีอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ต้องรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้
สาเหตุของการเกิดโรคลมพิษนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกิดมาจากสิ่งเร้า หรือสิ่งกระตุ้นจากภายนอก และอาการแพ้สิ่งต่าง ๆ เช่น
นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนน้อย ความเครียดสะสม ทำให้ร่างกายอ่อนแอ กลายเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการลมพิษขึ้นได้
เมื่อเกิดอาการลมพิษขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการหาสาเหตุว่าอาการของเราเกิดจากอะไร เพราะเมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว ก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคได้มากขึ้น ส่วนการรักษาส่วนใหญ่เมื่อไปพบแพทย์มักจะได้เป็นยาแก้แพ้หรือยาต้านฮีสตามีน ซึ่งแพทย์จะให้ยาและดูอาการไปพร้อม ๆ กัน เพราะผู้ป่วยแต่ละคนก็จะตอบสนองต่อยาแก้แพ้แตกต่างกันออกไป ถ้ายังไม่เห็นผลหรืออาการยังไม่ดีขึ้น ก็จะมีการให้ยาตัวอื่นรักษาร่วมด้วย
ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ใช้ยาแก้แพ้แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะมีการประเมินอาการและให้ยาที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างสารสื่อกลางในผิวหนัง เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นการเกิดผื่นแดงจากลมพิษได้ ในการรักษาแบบนี้ จะเป็นการรักษาลมพิษชนิดเฉียบพลันที่สามารถหาสาเหตุของการเกิดลมพิษได้ แต่ถ้าเป็นลมพิษชนิดเรื้อรัง จะไม่สามารถให้วิธีแบบนี้รักษาได้
โรคผิวหนัง มีอะไรบ้าง รู้ไว รักษาทัน
โรคลมพิษเรื้อรังนั้นอันตรายมากกว่าที่คิด ไม่ควรปล่อยไว้ให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยอาการของโรคลมพิษเรื้อรังนั้นจะแตกต่างจากลมพิษแบบทั่วไปหรือลมพิษแบบเฉียบพลันก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการผื่นบวมแดงนูนขึ้นมา ไม่มีขุย คล้ายกับลมพิษทั่วไป แต่อาการเหล่านี้จะเป็น ๆ หาย ๆ ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และอาจจะเป็นต่อเนื่องยาวนานเกิน 6 สัปดาห์ สร้างความรำคาญใจให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเป็นผื่นก็มักจะมาพร้อมกับอาการคัน และถ้าผื่นอยู่นานจนเกินไปก็อาจจะทำร้ายผิวหนังบริเวณนั้นๆได้ ทำให้มีรอยดำและจุดเลือดออก ส่งผลให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจและเสียบุคลิกภาพได้ ซึ่งอาการป่วยเหล่านี้ มักจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยเครียดได้ง่ายเพราะไม่สบายใจ และก็จะวนกลับไปที่ความเครียดทำให้เกิดลมพิษได้ จึงจำเป็นต้องรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันอาการรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้
การรักษาโรคลมพิษเรื้อรังนั้นสามารถให้ยาต้านฮีสตามีนมาใช้เพื่อควบคุมอาการของโรคได้ แต่อาจจะไม่ได้หายขาดในทันที จึงจำเป็นต้องใช้ยาชนิดอื่นควบคู่กันได้ ซึ่งการให้ยาจะอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์ เพราะยาแต่ละชนิดก็มีผลข้างเคียงแตกต่างกันออกไป จึงต้องมีการปรับยาเป็นระยะเพื่อดูผลการรักษา ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคลมพิษเรื้อรัง มักจะต้องรักษาเป็นเวลานานหลายปีถึงจะสามารถควบคุมอาการได้ แต่อาการผื่นบวมแดงของลมพิษเรื้อรังนั้นจะไม่รุนแรงเท่าแบบเฉียบพลัน จึงไม่สร้างความเจ็บปวดหรือทรมานให้กับผู้ป่วย เพียงแต่จะมีความรำคาญใจมากขึ้นเท่านั้น
โรคลมพิษเป็นโรคที่เกิดจากร่างกายได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ จึงแสดงออกมาให้รูปแบบของอาการผื่นคัน บวมแดง ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ แต่ถ้ามีอาการแพ้แบบเดียวกัน ได้รับสิ่งกระตุ้นลมพิษเหมือนกัน ก็มีโอกาสเป็นเหมือนกันได้
วิธีป้องกันการเกิดโรคลมพิษนั้น อย่างแรกก็ต้องเริ่มที่ตัวเอง คือ ต้องหมั่นสังเกตุอาการของตัวเองว่ามักจะมีอาการผิดปกติ มีผื่นขึ้น รู้สึกคัน หรือไม่สบายตัวในสถานการณ์แบบไหน หรือเมื่อทานอาหารอะไรเข้าไปแล้วรู้สึกแปลก ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ที่รุนแรง การป้องกันอีกวิธีที่มีความสำคัญมาก ๆ ก็คือการหมั่นดูแลและบำรุงผิวให้มีความนุ่ม ชุ่มชื่นอยู่เสมอ เพราะผิวที่แห้งตึงจนเกินไป จะสามารถเกิดอาการแพ้ได้ง่าย ควรหมั่นทาครีมบำรุงเพื่อช่วยให้ผิวลดความไวต่อสิ่งกระตุ้นที่เป็นสาเหตุของอาการแพ้ และถ้าหากมีอาการผื่นบวมแดงขึ้นตามร่างกายแต่ไม่หายภายใน 24 ชั่วโมง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา ป้องกันอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ และเพื่อไม่ให้โรคลมพิษธรรมดากลายเป็นลมพิษเรื้อรังได้