เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะต้องเคยมีประสบการณ์การเป็นโรคอีสุกอีใสในสมัยเด็กกันมาอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นโรคยอดฮิตของเด็ก ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งโรคนี้เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ มีวิธีป้องกันและรักษาอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ อีสุกอีใส
โรคอีสุกอีใสนั้นเกิดจากไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (varicella-zoster virus) ความจริงแล้วโรคอีสุกอีใสนั้นสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ที่เห็นว่าส่วนแล้วจะเกิดในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะอีสุกอีใสเป็นโรคที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ดังนั้น จึงมักจะพบได้ง่ายในแหล่งที่มีคนอยู่อาศัยเยอะ ๆ หรือตามโรงเรียน สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นแหล่งรวมเด็กเล็กที่ยังมีภูมิต้านทานต่ำ เมื่อมีเด็กเป็นโรคอีสุกอีใส 1 คน ก็สามารถแพร่กระจายไปสู่เด็กคนอื่น ๆ ได้ง่าย
อาการของโรคอีสุกอีใสนั้นจะเริ่มจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัส เจ้าเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์จะมีระยะฝักตัวอยู่ที่ 10-21 วัน อาการแรกเริ่มคือเป็นผื่นคัน จะเป็นเมื่อเริ่มรับเชื้อไวรัสเข้าไป หลังจากนั้นก็จะมีอาการอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นผื่นคันเริ่มเปลี่ยนเป็นผื่นผุพอง หรือเป็นตุ่มน้ำใส ๆ มีไข้ ปวดหัว อ่อนล้า รู้สึกไม่สบายตัวและเบื่ออาหาร อาการเหล่านี้จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ช่วงที่มีตุ่มหรือผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง ช่วงผื่นแดงกลายเป็นตุ่มน้ำ และมีการแตก จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงแผลจากตุ่มน้ำตกสะเก็ด กว่ารอยต่าง ๆ จะหายก็จะใช้เวลาพอสมควร ซึ่งถ้าไม่อยากให้รอยแผลจากตุ่มน้ำติดอยู่บนร่างกายของเราตลอดไปก็ต้องมีการบำรุงรักษาที่ดี หมั่นทายาและครีมบำรุงอยู่เสมอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ถ้าคุณเป็นโรคอีสุกอีใสตั้งแต่ตอนเด็กก็จะไม่ค่อยเหลือร่องรอยเท่าไหร่ เพราะผิวหนังของเด็กสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวที่เป็นแผลตุ่มน้ำ โรคปอดอักเสบ โรคไข้สมองอักเสบ ภาวะขาดน้ำ ในผู้ป่วยบางรายทีกินยาแอสไพรินในช่วงที่เป็นอีสุกอีใสก็ต้องหมั่นตรวจสอบอาการอื่น ๆ ของร่างกายด้วยว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพราะถ้าคุณเป็นโรคเรย์ซินโดมก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งถ้าเกิดอาการรุนแรงขึ้นมา ก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้
การรักษาโรคอีสุกอีใสนั้น ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ ถ้ามีไข้ก็ให้เช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิ สามารถกินยาลดไข้พาราเซตามอลได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพรินเพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โรคอีสุกอีใสนั้นไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวะนะ เพราะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย ถ้ามีอาการคันบริเวณตุ่มน้ำ ให้ใช้ยาทาแก้คันหรือคารามายเพื่อบรรเทาอาการคัน และเนื่องจากเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ จึงควรแยกผู้ป่วยออกจากคนในครอบครัว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
คุณสามารถป้องกันโรคอีสุกอีใสได้โดยการฉีดวัคซีน แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็น แต่ก็ยังป้องกันได้อยู่ และถ้าหากเป็นโรคอีสุกอีใสขึ้นมาจริง ๆ ก็จะช่วยให้อาการไม่รุนแรง โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแตอายุ 1 ขวบขึ้นไป และควรฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อโตขึ้น หากอายุต่ำกว่า 12 ปี ให้ฉีดอีก 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนในเด็กที่อายุมากกว่า 12 สามารถฉีดได้อีก 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
โรคผิวหนัง มีอะไรบ้าง รู้ไว รักษาทัน
สำหรับโรคอีสุกอีใสนั้น มักจะมีคนเข้าใจผิดว่าต้องเป็นกันทุกคน แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มักจะต้องเป็นโรคนี้ จึงทำให้ทุกคนคิดว่าจะต้องเป็นอย่างแน่นอน ยิ่งในปัจจุบันที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ป่วยก็ลดลงเช่นกัน
ลักษณะของแผลเป็นจากอีสุกอีใสนั้นมักจจะมาจากการที่แผลแห้งแล้วตกสะเก็ด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเกิดอาการคัน จึงต้องพยายามอย่าเกาหรือแกะสะเก็ดแผลเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดแผลเป็นได้ ควรปล่อยให้สะเก็ดแผลค่อย ๆ หลุดไปเอง หรือใช้ยากลุ่มขี้ผึ้งทางเพื่อช่วยให้สะเก็ดหลุดได้เร็ว จากนั้นก็หมั่นทาครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยฝื้นฟูให้ผิวกลับมามีสภาพเดิมโดยเร็ว