การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ การห้ามหรือการปิดกั้นเกี่ยวกับเรื่องเพศนั้นเป็นเรื่องที่ควรหมดไป เพราะไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่สิ่งที่ควรจะให้ความสำคัญมากกว่าการห้ามพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ก็คือควรรณรงค์ให้รู้จักวิธีการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย เพราะทุกวันนี้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เหตุผลหลัก ๆ ก็คือหลายคนไม่รู้จักวิธีป้องกัน หรือไม่รู้วิธีการทำที่ถูกต้อง ถ้าหากว่าเรื่องนี้เปิดกว่ามากขึ้น เชื่อว่าแนวโน้มของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นจะต้องลดลงแน่นอน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ซิฟิลิส
โรคทางเพศสัมพันธ์ที่มักจะได้ยินกันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อต่าง ๆ หรือการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาในห้องเรียน ก็คงจะหนีไม่พ้นโรคซิฟิลิสอย่างแน่นอน ซึ่งโรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ที่ผู้ป่วยจะได้รับเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา พาลลิดัม (Treponema pallidum) มาจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อนี้อยู่ ส่งผลให้เกิดแผลมีลักษณะเป็นตุ่มนูนที่พอแตกออกก็จะกลายมาเป็นแผลกว้าง ๆ หรือเรียกอีกอย่างว่าแผลริมแข็ง (Chancre) โดยจะเกิดที่บริเวณอวัยวะเพศ ถ้าหากว่าติดเชื้อแล้วไม่รีบรักษาให้หายก่อนที่เชื้อจะเข้าไปทำลายระบบประสาท ก็มีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้
อาการของโรคซิฟิลิสจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 4 หรือ ระยะสุดท้าย อาการก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเชื้อจะเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือด ส่งผลให้อวัยวะภายในถูกทำลาย มักจะมีอาการแทรกซ้อนของโรคต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อระบบประสาทและอวัยวะภายในถูกทำลาย ก็จะส่งผลต่อผู้ป่วยโดยตรง อาการที่รุนแรงต่าง ๆ จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด
เชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคซิฟิลิสนั้น จะมีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์ แต่ในผู้ป่วยบางคน อาจจะใช้เวลานานถึง 3 เดือนเลยก็เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยและสภาพร่างกายของแต่ละคน
การติดโรคซิฟิลิสนั้น เกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum โดยสามารถติดต่อจากบุคคลอื่นได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเชื้อผ่านทางบาดแผลบนร่างกาย หรือการสัมผัสร่างกายกันโดยตรง เช่น
แต่ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนติดต่อกันได้ง่าย จนหลายคนกังวลว่าจะได้รับเชื้อซิฟิลิสการการใช้ห้องน้ำรวม หรือการให้ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น ซึ่งความจริงแล้วในสถานการณ์เหล่านี้ การติดเชื้อนั้นเป็นไปได้ยากมาก จึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป
เมื่อเข้ารับการรักษาโรคซิฟิลิสด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ การการของโรคจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน เมื่อการรักษาผ่านไปแล้ว ควรกลับมาควรซ้ำหลังจากผ่านไป 6 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้อีก
การรักษาโรคซิฟิลิสด้วยการฉีดยาปฏิชีวนะ เข้ากล้ามเนื้อ 3 เข็ม จะเป็นการรักษาในช่วงที่อาการของโรคเข้าสู่ในระยะที่ 2 และ 3 และยังมีการให้ยาทางหลอดเลือดดำเพิ่มอีกทางเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อรักษาเสร็จสิ้นแล้ว แพทย์จะมีการนัดมาตรวจเลือดในภายหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาประมาณ 3 หรือ 6 เดือนหลังการรักษา เพื่อตรวจดูอาการหรือโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ส่วนโรคหนองใน แบ่งออกเป็นหนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae และ หนองในเทียม เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis แม้ว่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหมือนกัน แต่อาการที่แสดงและสาเหตุที่การเกิดโรคนั้นไม่เหมือนกัน