โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STIs) ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงและปกป้องสุขภาพของตนเองและคู่รัก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ มากมายที่แพร่หลายในสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ บทความนี้จะหยิบยกความเชื่อผิด ๆ เหล่านั้นขึ้นมานำเสนอ พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ความเชื่อ: การมีเพศสัมพันธ์กับคนรักที่ดูสะอาดสะอ้านหรือมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดี จะไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ความจริง:
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้เลือกว่าใครจะติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อจากรูปลักษณ์ภายนอก เชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถซ่อนอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการใด ๆ เป็นเวลานาน หรืออาจมีอาการที่ไม่ชัดเจนจนสังเกตได้ยาก ดังนั้น การตัดสินว่าใครมีความเสี่ยงหรือไม่จากรูปลักษณ์ภายนอกจึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง
ความเชื่อ: การใช้ยาคุมกำเนิดจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ความจริง:
ยาคุมกำเนิดมีไว้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เลย การใช้ยาคุมกำเนิดร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยยังคงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเท่าเดิม

ความเชื่อ: การล้างอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ความจริง:
การล้างอวัยวะเพศภายนอกหลังมีเพศสัมพันธ์อาจช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกบางส่วน แต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเข้าสู่ร่างกายไปแล้วได้ การล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่ธรรมดาไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ความเชื่อ: การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักหรือทางปากจะไม่เสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ความจริง:
การมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก ล้วนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทั้งสิ้น เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งต่าง ๆ เช่น น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่น หรือเลือด
ความเชื่อ: การใช้ถุงยางอนามัยเฉพาะตอนที่ต้องการป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น
ความจริง:
ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันทั้งการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักคนเดิมหรือคู่รักใหม่ เพื่อให้เป็นเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย (Safe Sex)

ความเชื่อ: ถ้าไม่มีอาการ ก็แสดงว่าไม่มีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ความจริง:
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิด โดยเฉพาะในช่วงแรกของการติดเชื้อ อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น หรือมีอาการที่ไม่ชัดเจน จนผู้ติดเชื้อไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อและอาจแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว การตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำจึงมีความสำคัญ
ความเชื่อ: การมีเพศสัมพันธ์กับคนรักที่ไว้ใจได้เท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องป้องกัน
ความจริง:
แม้จะมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงและไว้ใจกัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แฝงอยู่ในร่างกาย การป้องกันโรคด้วยถุงยางอนามัยเป็นสิ่งสำคัญเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและปกป้องสุขภาพของทั้งสองฝ่าย
ความเชื่อ: การใช้ยาปฏิชีวนะจะสามารถรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ทุกชนิด
ความจริง:
ยาปฏิชีวนะใช้รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม และซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น เริม หูดหงอนไก่ และเอชไอวี ยังไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีวิธีการรักษาเพื่อควบคุมอาการและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
ความเชื่อ: การตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องน่าอาย
ความจริง:
การตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นการดูแลสุขภาพอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด การตรวจพบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และลดการแพร่กระจายของเชื้อ

ความเชื่อ: การฉีดวัคซีนป้องกันโรคบางชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบบี จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ทั้งหมด
ความจริง:
วัคซีนบางชนิด เช่น วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและวัคซีนป้องกันไวรัส HPV (Human Papillomavirus) สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดได้ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิดได้ การป้องกันอื่น ๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัยยังคงมีความสำคัญ
สรุป
การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การละทิ้งความเชื่อผิดๆ และหันมาปฏิบัติตนอย่างถูกต้องจะช่วยให้เราสามารถปกป้องตนเองและคนที่คุณรักจากความเสี่ยงของโรคเหล่านี้ได้ อย่าลังเลที่จะศึกษาหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ปรึกษาแพทย์ หรือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพทางเพศของคุณเองและคู่รักของคุณ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการมีความรู้ มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำเมื่อมีความเสี่ยง