ส้นเท้าแตก เกิดจากภาวะผิวขาดน้ำหรือผิวแห้งร่วมกับภาวะที่ผิวมีเคราตินมากจนเกินไป ทำให้เกิดเป็นรอยแตกแยกบนผิวหนังออกมาเป็นเส้น ๆ อาจจะถึงขั้นมีเลือดออกและมีอาการเจ็บปวดบริเวณรอยแตกร่วมด้วย
ส้นเท้าแตก เป็นปัญหาทางผิวหนังที่มีหลายคนเคยเป็น ไม่ว่าจะอาการหนักหรือเบา ปัญหาเท้าแตกก็สามารถสร้างความรำคาญใจให้ได้ทั้งนั้น จึงจำเป็นต้องมีการบำรุงผิว ดูแลรักษากันอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวหนังแห้งแตกจนกระทั่งเจ็บตัวได้ ถ้าอยากรู้ว่าเท้าแตก เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันและรักษาอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีมาฝากกัน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เท้าแตก
ส้นเท้าแตก คือปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากภาวะผิวขาดน้ำหรือผิวแห้งร่วมกับภาวะที่ผิวมีเคราตินมากจนเกินไป ทำให้เกิดเป็นรอยแตกแยกบนผิวหนังออกมาเป็นเส้น ๆ เริ่มแรกจะเป็นแค่รอยจาง ๆ ไม่ลึกมาก แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ไม่ได้รับการดูแล รอยแตกก็จะยิ่งลึกขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะถึงขั้นมีเลือดออกและมีอาการเจ็บปวดบริเวณรอยแตกร่วมด้วย
สาเหตุที่บริเวณส้นเท้าเป็นพื้นที่ที่มักจะเกิดรอยแตกแยกได้ง่าย เป็นเพราะว่าเท้าเป็นอวัยวะที่มีการใช้งานค่อนข้างหนัก และจำเป็นต้องทนรับกับแรงกดทับจากร่างกายของคนเราอยู่ทุกวัน เมื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง การออกกำลังกาย ก็หลีกเลี่ยงการเสียดสีของผิวหนังไม่ได้ เมื่อได้รับการกดทับและเสียดสีเป็นเวลานาน ผิวก็จะค่อย ๆ ด้านแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณว่าผิวมีอาการขาดน้ำ จึงแห้งและแตกออกเป็นรอยยาวได้
นอกจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราที่ส่งผลทำให้เกิดเท้าแตกแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถทำให้เกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำน้อย ทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ การอยู่ในสภาพอาการที่หนาวและแห้งจนเกินไป การเดินเท้าเปล่าเป็นประจำ โดยเฉพาะเดินในพื้นที่ที่มีความร้อนสูง การแช่เท้าในน้ำร้อนนานเกินไป การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้า และปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะอ้วน น้ำหนักตัวมากเกินไป ก็ส่งผลต่อแรงกดที่เท้าจะได้รับด้วยเช่นกัน
โรคผิวหนัง มีอะไรบ้าง รู้ไว รักษาทัน
วิธีการรักษาอาการเท้าแตกนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งวิธีการดูแลระยะยาวและระยะสั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และความสะดวกของคุณ แต่สิ่งที่สามาเริ่มลงมือทำได้เลยทันทีก็คือการดื่มน้ำเป็นประจำ พยายามดื่มน้ำให้ได้ปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ร่างกายขาดน้ำ ผิวของคุณก็จะแห้งและแตกได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด นอกจากการดื่มน้ำจะช่วยเรื่องความชุ่มชื่นของผิวแล้ว ยังดีต่อสุขภาพในทุก ๆ ด้านอีกด้วย
บางคนมักจะติดการอาบน้ำอุ่นจนร้อน ถ้าทำเป็นประจำก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวแห้งได้ ถ้าจำเป็นต้องอาบน้ำอุ่นจริง ๆ อาจจะต้องหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหรือบำรุงผิวที่เน้นให้ความชุ่มชื่นมาเป็นตัวช่วยอีกทาง ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกมากมายหลายแบบ คุณสามารถเลือกได้ตามใจชอบมาใช้งาน เพื่อเป็นการเสริมในจุดที่ขาดไป
ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถบรรเทาอาการแตกตรงบริเวณส้นเท้าได้ เพราะปิโตรเลียมเจลลี่มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ วิธีใช้ก็ง่าย ๆ เพียงแค่นำมาทาไว้ในบริเวณที่มีรอยแห้งแตก จากนั้นก็สวมถุงเท้าทับไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ใช้ปิโตรเลียมเจลหลุดออกมา และยังช่วยกักเก็บความชุ่นชื้นไว้ได้ด้วย ทางที่ดีควรทำเป็นประจำก่อนนอน พอตื่นตอนเช้าค่อยล้างทำความสะอาดอีกที ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ส้นเท้าของคุณก็จะกลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื่นได้เหมือนเดิม
โดยยาเหล่านี้จะมีส่วนผสมของยาไดเมทิโคน (Dimethicone) ที่จะเป็นตัวทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งแตก ช่วยแก้ปัญหาผิวด้านแข็งได้ ลองใช้ยาควบคู่กับการดูแลอื่น ๆ ก็จะยิ่งทำให้อาการเท้าแตกหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น
ตามท้องตลาดได้มีการผลิตครีมทาส้นเท้าแตกออกมาจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป แต่เป้าหมายก็คือการรักษาอาการเท้าแตกให้หายโดยเร็วที่สุด ผู้ใช้สามารถเลือกมาทดลองใช้กันดูได้
นอกจากนี้ยังมีกลิ่น สี ผิวสัมผัสเป็นแบบที่คุณชอบหรือไม่ จึงอาจจะต้องไปทดลองใช้หรือขอคำปรึกษาจากแพทย์และเภสัชกรดูก่อนได้ โดยเฉพาะคนที่ผิวแพ้ง่ายจะต้องใส่ใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอื่นใดก็คือ การหมั่นทาครีมเป็นประจำ ดูแลผิวบริเวณส้นเท้าสม่ำเสมอ ลดพฤติกรรมที่จะทำร้ายผิวบริเวณเท้า เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ผิวส้นเท้าที่เรียบเนียน นุ่มลื่นกลับคืนมา