โลหิตจางขณะตั้งครรภ์ ภาวะที่ไม่ควรละเลย สตรีในประเทศไทย เคยมีการเก็บสถิติว่า หากมีผู้หญิงเดินมาด้วยกัน 6 คน 1 ในนั้นจะมีคนนึงที่เป็นโลหิตจาง ยิ่งเมื่อถึงเวลาตั้งครรภ์ที่ร่างกายจำเป็นต้องสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้ภาวะโลหิตจางแย่ลงไปอีก
ซึ่งผลกระทบนั้นไม่ได้มีแค่ต่อตัวแม่ แต่ยังกระทบถึงทารกในครรภ์ รวมถึงอาจส่งผลต่อพัฒนาการเด็กในระยะยาวด้วย วันนี้มาทำความรู้จักคร่าวๆกับภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์กันว่ามีความสำคัญและส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์
เมื่อตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงกลไกเพื่อให้เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ โดยจะทำการเพิ่มปริมาณเลือด ประมาณ 20-30% ทำให้ร่างกายต้องการปริมาณเหล็กและวิตามินๆต่างๆ ในการสร้างฮีโมโกลบิน (โปรตีนในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน)
โดยปกติคนท้องจะมีค่าเลือดหรือค่าฮีโมโกลบินที่แตกต่างกันไปในแต่ละไตรมาส แต่ไม่ควรมีค่าฮีโมโกลบิน น้อยกว่า 10 mg/dL
หากมีภาวะซีดในหญิงตั้งครรภ์แล้วไม่ได้ทำการรักษา ปล่อยไว้จนเกิดผลเสีย ผลเสียนั้นจะกระทบในสองด้านหลักๆคือ ผลเสียต่อลูก และ ผลเสียต่อแม่
แอลกอออล์ ส่งผลต่อทารก อาจทำให้แท้งทารก หรือมีผลต่อพัฒนาการในระยะยาวต่อเด็ก เป็นเด็กเรียนช้า สติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์
ภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ มีทั้งจากที่ร่างกายจำเป็นต้องสร้างและใช้เม็ดเลือดแดงมากขึ้น เรียกได้ว่า แค่ตั้งครรภ์ก็เสี่ยงโลหิตจางก็ว่าได้ ทำให้หญิงตั้งครรภ์ ต้องการสารตั้งต้นในการผลิตเม็ดเลือดแดงมากกว่าบุคคลอื่น
ดังนั้นอาหารเสริมที่แนะนำช่วงตั้งครรภ์ อาทิ โฟเลท เหล็ก และ แคลเซียม และอีกมากมายจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อบำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และเพื่อป้องกันภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงป้องกันภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์อีกด้วยเพราะโลหิตจางไม่ได้กระทบแค่ตัวหญิงตั้งครรภ์ แต่ยังส่งผลระยะยาวต่อลูกอีกด้วย อย่าลืมให้ความสำคัญและป้องกันภาวะนี้กันนะครับ