ถ้าจะพูดถึงโรคที่สร้างความรำคาญใจให้กับผู้ป่วยไม่น้อย ก็คงหนีไม่พ้นโรคภูมิแพ้อย่างแน่นอน เพราะต่อให้เราจะป้องกันแค่ไหน แต่ถ้ามีอะไรมากระตุ้นเพียงแค่เล็กน้อย อาการภูมิแพ้ก็พร้อมที่จะเกิดขึ้นทันที บางคนโชคดีอาการไม่รุนแรง แต่ถ้าโชคร้าย เป็นภูมิแพ้ชนิดรุนแรงก็อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้ว่ามีอะไรที่เราแพ้บ้าง แพ้ระดับไหน มีการป้องกันและรักษาอย่างไร
โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) เป็นโรคที่มีความรุนแรงและยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากที่ต้องเป็นตัวป้องกันกลับกลายมาเป็นตัวทำลายเนื้อเยื่อในร่างกายของตัวเอง พอเนื้อเยื่อเกิดความเสียหายก็ทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้นได้ ส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเกิดความผิดปกติ แม้ว่าจะยังหาสาเหตุของการเกิดโรคนี้อย่างชัดเจนไม่ได้ แต่ก็มีข้อบ่งชี้ของอาการป่วยหลาย ๆ อย่างในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายที่เกิดขึ้นร่วมกัน
โดยอาการของโรคแพ้ภูมิจะสังเกตได้จากมีอาการอ่อนเพลีย ปวดตามข้อ มีไข้ต่ำ ๆ ไปจนถึงไข้สูง มีผื่นขึ้นตามใบหน้า แขน ขา มีสภาวะเลือดจาง เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ ผมร่วง ถ้าอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้นจะมีอาการเม็ดเลือดแดงแตก ปอดและไตอักเสบ
สำหรับการรักษา ก่อนอื่นจะต้องให้แพทย์ตรวจและวินิจฉัยอาการให้ละเอียดก่อนโดยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจร่างกายอื่น ๆ ถ้าหากป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง จะมีการพบโปรตีนชนิดหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Antinuclear Antibody ในร่างกาย เป็นตัวที่ทำให้แพทย์มั่นใจว่าเป็นโรคนี้จริง ๆ จากนั้นจึงเริ่มต้นการรักษา โดยแพทย์จะประเมิณความรุนแรงตามอาการของแต่ละคน ซึ่งก็จะมีการรักษาแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาในผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการอักเสบภายในอวัยวะต่าง ๆ หรือถ้าหนักกว่านั้นก็ต้องในยาสเตียรอยด์เพื่อเป็นการกดภูมิโรค
พอถึงช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงทีไร เป็นต้องรู้สึกคันจมูกทุกครั้ง สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศหรือโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ก็คงจะเข้าใจความน่ารำคาญนี้ได้เป็นอย่างดี โดยการที่เราเป็นภูมิแพ้อากาศนั้นเพราะเนื้อเยื่อจมูกของเราเกิดการอักเสบเมื่อไปสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ หรืออาการที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รู้สึกระคายเคืองในโพรงจมูก ในบางรายอาการอาจจะไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจจะกลายเป็นโรคโพรงไซนัสอักเสบได้ อาการของคนที่เป็นภูมิแพ้อาการมักจะต้องเจอก็คือรู้สึกคันจมูก คันตา จาม น้ำมูกไหล เสียงขึ้นจมูก แสบตา มีเสบหะไหลลงคอ เจ็บคอ เลือดกำเดาไหล หูอื้อจนเจ็บ บางครั้งอาจทำให้สับสนเนื่องจากบางอาการคล้ายโรคหวัด
การดูแลและรักษาสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ ถ้าต้องออกไปข้างนอกควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไว้ก่อน หมั่นล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ กินยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ หรือถ้ามีอาการรุนแรงขึ้น อาจจะต้องใช้ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดการอักเสบ การออกกำลังกายก็สามารถช่วยให้ร่างกายสามารถทนกับอาการแพ้ได้มากขึ้นเช่นกัน
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) นั้นเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังที่บริเวณผิวหนัง พบได้บ่อยในเด็ก มักจะเป็น ๆ หาย ๆ ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังนั้นยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน มีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม มักจะเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้อื่น ๆ เช่นการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่น โรคหอบหืด เป็นต้น เมื่อเจอกับสิ่งเร้าที่มากระตุ้นก็จะทำให้เกิดเป็นผื่นภูมิแพ้ขึ้นได้อย่างง่ายดาย อาการของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง คือ มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย เช่น ตามข้อพับ คอ แก้ม ผิวแห้งเป็นขุย ถ้าหากเหงื่อออกจะยิ่งคัน พยายามอย่าเกา เพราะยิ่งเกาจะยิ่งคัน
การรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของภูมิแพ้ ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน มีตุ่มน้ำและมีน้ำเหลือง ให้ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำเกลือที่สะอาดประคบที่ตุ่มน้ำให้แห้งก่อน แล้วจึงค่อยทายา ซึ่งจะเป็นยาสเตียรอยด์ เพราะจะเห็นผลเร็ว แต่ไม่ควรซื้อมาใช้เอง ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร ส่วนถ้าเป็นแผลจากผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ห้ามใช้ยาทาที่เป็นสเตียรอยด์เด็ดขาด และถ้ามีอาการรุนแรงมาก อาจจะต้องรักษาโดยการฉายแสง Phototherapy เพื่อเป็นการกดภูมิในร่างกายเอาไว้ ป้องกันการไวต่อสิ่งเร้า ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น