เมื่อเกิดอาการเวียนหัว หรือรู้สึกว่าบ้านหมุน หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อนว่าเป็นอาการที่เกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นโรคที่สามารถสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ได้ วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมาฝากกัน เพื่อให้ทุกคนได้รู้ถึงสาเหตุ และรู้วิธีการรักษาเมื่อเกิดโรคนี้ขึ้นได้
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคเมเนียส์ (Meniere’s Disease) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน โดยมีการคั่งของน้ำหรือความดันในหูชั้นในที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหูชั้นในเป็นส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปหลังเยื่อแก้วหู มีส่วนสำคัญในเรื่องของระบบการทรงตัวและระบบการได้ยิน ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยการการเวียนหัว รู้สึกบ้านหมุน ไม่สามารถยืนตรง ๆ ได้ รู้สึกอยากอาเจียน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เกิดภาวะน้ำในหูชั้นในเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการขัดขวางการทำงานของระบบประสาท ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกนั่นเอง โรคคนแก่เป็นกันเยอะ (ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีโอกาสเกิดโรคมากกว่าช่วงอายุอื่นถึง 10% )
หูชั้นในของคนเรานั้นจะมีหน้าที่ในการควบคุมการได้ยิน และการทรงตัว โดยจะมีน้ำในหูอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการทำงานของเซลล์ประสาท ที่เป็นตัวทำหน้าที่ควบคุมการได้ยินและการทรงตัว โดยปกติแล้วเมื่อระดับน้ำเหมาะสม มีการถ่ายเทอากาศที่ดี เมื่อร่างกายหรือศีรษะเคลื่อนไหว น้ำในหูก็จะเคลื่อนไหวไปด้วย เซลล์ประสาทก็จะถูกกระตุ้นให้ส่งสัญญาณไปยังสมองที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ
อาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้น จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในผู้ป่วยแต่ละคน แต่ก็ยังถือว่าเป็นโรคที่อันตรายต่อชีวิตเหมือนกัน เพราะเมื่อเกิดอาการขึ้นมา ความสามารถในการดูแลตัวเองของผู้ป่วยจะลดลง อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาได้ โดยอาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันที่มักจะพบได้บ่อย ๆ เช่น มีอาการเวียนหัว บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน มีเหงื่ออกตามร่างกายมากเป็นพิเศษ ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็น ๆ หาย ๆ ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่บางครั้งอาการเวียนหัวอาจจะอยู่นานกว่านั้น นอกจากอาการที่กล่าวมานั้น ถ้าเริ่มรุนแรงขึ้น ก็อาจจะมีอาการหูอื้อหรือมีเสียงดังในหูร่วมด้วย ผู้ป่วยจะยิ่งทรมานจากอาการป่วย เพราะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการนอนพักเท่านั้น
โรคน้ำในหูไม่เท่ากันอาจจะต้องหมั่นสังเกตอาการของตัวเองอยู่ตลอด เพราะอาจจะมีอาการประสาทหูเสื่อม เพราะบางครั้งที่รู้สึกหูอื้อ แน่นในหู การได้ยินมา ๆ หาย ๆ เป็นอาการของประสาทเสียงเสีย ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็อาจจะทำให้มีการอาการปวดหูรุนแรง ปวดหัว สูญเสียการได้ยินลงเรื่อย ๆ
การรักษาโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมักจะใช้ยาเป็นตัวรักษาให้อาการของผู้ป่วยค่อย ๆ ดีขึ้น ส่วนตัวผู้ป่วยก็จำเป็นต้องรู้วิธีปฏิบัติตัวเพื่อดูแลและรักษาตัวเองด้วย โดยต้องพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่จะทำให้รู้สึกเวียนหัวได้ง่าย เช่น การเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียว การเดินทางด้วยเรือ หรือบางรายถ้ามีอาการรุนอาจจะไม่สามารถนั่งโดยสารด้วยรถยนต์ได้เลย เพราะจะไปกระตุ้นอาการเวียนหัวให้รุนแรงมากขึ้น