ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิตามินภายใน 5 นาที
เมื่อพูดถึง วิตามิน เชื่อว่าแทบทุกคนเคยได้ยินคำนี้กันมาก่อน แต่หากให้อธิบายบางคนอาจจะพอจำได้ และบางคนอาจจะลืมไปแล้วว่าจริง ๆ แล้ววิตามินคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร มีกี่ชนิด แต่ละชนิดส่งผลดับร่างกายของเราอย่างไร โดยแม้วิตามินอาจไม่ใช่ธาตุอาหารหลักแต่ก็ถือว่ามีความจำเป็นกับร่างกายและการดูแลสุขภาพ ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมเอาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิตามินมาให้คุณได้ทบทวนกันอีกครั้ง
วิตามินคืออะไร?
วิตามิน (Vitamin) ถือเป็นสารอาหารรอง (Micronutrients) และเป็น 1 ใน 5 ของสารอาหาร 5 หมู่ที่ร่างกายของคนเราต้องการ การได้รับวิตามินอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกัน ปัญหาสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นจากวิตามินตัวใดตัวหนึ่ง แม้จะไม่ได้สำคัญเท่าสารอาหารหลัก (Macronutrients) จำพวก ไขมัน โปรตีน หรือ คาร์โบไฮเดรต แต่การขาดวิตามินก็ส่งผลกับความแข็งแรงของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเช่นเดียวกัน หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าวิตามินคือผู้ช่วยของสารอาหารหลักนั่นเอง โดยวิตามินเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เองจึงต้องได้รับจากอาหารเสริมหรืออาหารที่มีวิตามินประเภทต่าง ๆ

วิตามินมีกี่ประเภท
การแบ่งประเภทของวิตามินนั้นจะแบ่งตามคุณสมบัติในการละลายและดูดซึม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. วิตามินที่ละลายในน้ำ
สำหรับวิตามินกลุ่มที่สามารถละลายในน้ำได้นั้นประกอบด้วย วิตามินซี และ วิตามินบีรวม โดยร่างกายสามารถดูดซึมได้ราว 2-4 ชม. ส่วนที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้จะถูกขับออกมาทางเหงื่อหรือทางปัสสาวะ
2. วิตามินที่ละลายในน้ำมันหรือไขมัน
ในส่วนของวิตามินที่ละลายในน้ำมันหรือไขมัน ประกอบไปด้วย วิตามิน เอ ดี อี และ เค โดย วิตามินอี และ วิตามินเค สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ แต่วิตามินเอ และ วิตามินดี ร่างกายไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ การได้รับมากเกินไปก่อให้เกิดการสะสมในร่างกายและอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้
วิตามินแต่ละประเภทมีประโยชน์อย่างไร
วิตามินมีหลายประเภทด้วยกันคือ เอ บี ซี ดี อี เค บี (1 2 5 6 12) และ วิตามินเค ซึ่งวิตามินแต่ละประเภทก็มีประโยชน์และคุณสมบัติต่างกันออกไปดังนี้คือ
วิตามินเอ
วิตามินเอ ทีสาระสำคัญคือ แคโรทีน (Carotene) และ เรตินอล (Retinal) มีส่วนช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง บำรุงสายตา รวมถึงยังมีส่วนในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดรอยด่างนำบนใบหน้า และลดการอักเสบของสิวได้ด้วย

วิตามินบี 1
สำหรับ วิตามินบี 1 มีสาระสำคัญคือ ไทอะมีน (Thiamin) ช่วยในเรื่องของระบบประสาท กล้ามเนื้อให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญสารอาหาร อาทิ คาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิว ป้องกันโรคเหน็บชา บำรุงผิวพรรณและเส้นผม หากขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการเหน็บชา เป็นตะคริว เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย
วิตามินบี 2
มีสารสำคัญคือไรโบฟลาวิน (Riboflavin) หลายคนอาจพอจำได้ว่าหากขาดวิตามินชนิดนี้อาจทำให้เป็นโรคปากนกกระจอกได้ นอกจากนี้ วิตามินบี 2 ยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย บำรุงเลือดและสมอง ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิว และสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผม
วิตามินบี 5
มีสารสำคัญคือกรดแพนโทธานิก (Pantothanic acid) ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญในร่างกาย เสริมสร้างฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง รวมถึงเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่มีไขมันเป็นองค์ประกอบ อาการของผู้ที่ขาดวิตามินชนิดนี้ อาทิ ความอ่อนเพลีย อาเจียน คลื่นไส้ เป็นต้น

วิตามินบี 6
มาต่อกันที่วิตามินบี 6 ที่มีสาระสำคัญคือ ไพริด็อกซิน (Pyridoxine) ช่วยในการเสริมสร้างและบำรุงเม็ดเลือดแดง สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหัวใจ เผาผลาญโปรตีน บำรุงผิวพรรณ ช่วยในการนอนหลับ โดยหากขาดวิตามินชนิดนี้อาจก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตันหรือโรคโลหิตจางได้
วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 มีสารสำคัญคือไซยาโนโคบาลามิน (Cyanocobalamin) พบได้ใน นม เนย ไข่ และตับ มีส่วนในการช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ รวมถึงยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายนำโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิตามินซี
วิตามินซี มีสาระสำคัญคือ กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลลาเจนให้ผัวหนัง เสริมสร้างเนื้อเบื่อในร่างกาย ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรค ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
วิตามินดี
วิตามินดีพบได้ใน น้ำมันตับปลา ไข่ นม ปลาแซลมอล ปลาทูน่า ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน โดยเป็นวิตามินที่ร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์ได้จากแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้าและช่วงเย็น