เมื่อพูดถึงพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง เชื่อหรือไม่ว่าหลายคนไม่รู้จักโรคนี้ทั้ง ๆ ที่ถือได้ว่าเป็นโรคอันตรายอย่างหนึ่ง โดยโรคพยาธิในช่องคลอดนั้นเกิดจากการติดชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis แน่นอนว่าจากชื่อของโรคพอบอกเราได้ว่าพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และแม้จะรักษาหายแต่ก็มีโอกาสเกิดซ้ำและส่งผลต่อชีวิตในระยะยาวได้อีกด้วย ซึ่งในบทความนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น
อาการบ่งชี้ของพยาธิในช่องคลอด
สำหรับอาการของโรคพยาธิในช่องคลอดนั้น จะเริ่มประกฎให้เห็นหลังจากได้รับเชื้อมาแล้วราว 5-28 วัน โดยอาการของโรคที่เห็นได้ชัดนั้นประกอบไปด้วย
1.อวัยวะเพศมีอาการ คัน บวม แดง หรือมีความรู้สึกแสบร้อน
2. มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ กลิ่นเหม็นคล้ายน้ำคาวปลา หรือตกขาวมีสีเหลืองหรือเขียว มีลักษณะเป็นฟอง
3. รู้สึกเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือปัสสาวะ
4. ปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย
5. ในผู้ป่วยบางรายอาจมีเลือกออกในช่องคลอดมากน้อยแตกต่างกันออกไป
เบื้องต้นหากพบอาการดังกล่าวเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนอาการลุกลามและควรงดมีเพศสัมพันธ์

สาเหตุของโรคพยาธิในช่องคลอด
โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อ Trichomonas Vaginalis ซึ่งเป็นเชื้อโปรโตซัวชนิดหนึ่ง โดยสามารถตรวจเจอได้ในน้ำอสุจิหรือน้ำในช่องคลอด เป็นโรคที่ติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อโรคพยาธิในช่องคลอดนั้นประกอบไปด้วย
-ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
-คนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
-ผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
-คนที่อาจมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ มาก่อนหรือผู้ที่เคยเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดแล้วกลับมาเป็นซ้ำ
ทั้งนี้การติดเชื้อส่วนใหญ่จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันอื่น ๆ เช่นใช้ข้าวของร่วมกัน ว่ายน้ำในสระเดียวกัน หรือสัมผัสกันเพียงแค่ภายนอก

การรักษาโรคพยาธิในช่องคลอด
ในส่วนของการรักษาโรคพยาธิในช่องคลอดนั้น หากสงสัยว่ามีอาการควรเข้ารับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเบื้องต้นหากแพทย์พบว่าติดเชื้อจะสั่งยาเมโทรนิดาโซลหรือทินิดาโซลในปริมาณที่กำหนดและต้องทานอย่างต่อเนื่อง กรณีมีอาการแพ้ยาหรือรู้สึกผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ โดยผลข้างเคียงจากยาที่ใช้รักษานั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ และผิวหนังมีอาการแดงเกิดขึ้นได้ สำหรับการปฏิบัติตัวระหว่างการรักษานั้นผู้ป่วยควรงดดื่มแอลกอฮอล์ งดมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และหากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์อาจวินิจฉัยเปลี่ยนตัวยาหรือรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป
ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคพยาธิในช่องคลอด
ในส่วนของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคพยาธิในช่องคลอดนั้น ประกอบไปด้วย
-มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่น อาทิ หนองในแท้ หรือ หนองในเทียม
-เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ หรือหากผู้ป่วยที่มีเชื้อ HIV มาก่อนก็เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย
-สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์แล้วติดโรคพยาธิในช่องคลอดอาจแพร่เชื้อไปสู่บุตรได้ในกรณีคลอดเอง รวมถึงอาจคลอดก่อนกำหนดทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยผิดปกติ
-ความน่ากลัวอย่างหนึ่งของโรคพยาธิในช่องคลอดก็คืออาจทำให้เกอดภาวะปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรังอันจะนำปสู่การมีบุตรยากได้

วิธีป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด
ในส่วนของวิธีป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอดนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อลงได้ ในกรณีที่สงสัยว่าตัวเองหรือคู่นอนติดเชื้อให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อทำการรักษาต่อไป
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือสาระน่ารู้เกี่ยวกับโรคพยาธิในช่องคลอดที่เรานำมาฝากกันเพื่อให้คุณได้รู้จักและเข้าใจโรคนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกับคุณผู้หญิงที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชายสำหรับโรคนี้ ซึ่งเรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือจากการติดเชื้อเล็กน้อยอาจเรื้อรังจนนำไปสู่ภาวะการมีบุตรยากได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันตัวเองทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้