ก่อนรับยา PEP ควรต้องตรวจแล็ปอะไรบ้าง
ยา PEP คือยาป้องกันการติดเชื้อ HIV แบบฉุกเฉิน ที่ต้องกินภายในเวลา 72 ชั่วโมงหลังจากที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสและการติดเชื้อ HIV ซึ่งยาชนิดนี้ต้องกินอย่างต่อเนื่อง 28 วัน ตามเวลาและตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งยา PEP สามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงกว่า 80% และเนื่องจากเป็นยาที่ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉิน ยิ่งกินยาชนิดนี้ได้เร็วมากเท่าไหร่ก็มีโอกาสลดการติดเชื้อได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นขั้นตอนการขอรับยา จึงจำเป็นต้องตรวจแล็ปเพื่อยืนยันผลก่อนด้วยเช่นกัน
5 โรคสำคัญ ที่ต้องตรวจแล็ปก่อนรับยา PEP
ก่อนที่จะได้รับยาตัวนี้มากิน แพทย์มักจะมีการส่งตรวจโรคเหล่านี้ให้แน่ชัดก่อนว่า ได้มีอาการของโรคเหล่านี้ร่วมด้วยหรือไม่ เพราะในบางโรคก็ไม่สามารถที่จะกินยาตัวนี้ได้ จึงต้องทำการตรวจคัดกรองโรคเหล่านี้ก่อน เพื่อดูว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่จะต้องใช้ยาตัวนี้ โรคสำคัญทั้ง 5 โรคก็คือ
1. ตรวจ HIV การตรวจชนิดนี้คือการตรวจหาเชื้อจากสารคัดหลั่งจากร่างกาย แต่ปัจจุบันนี้จะเป็นการตรวจจากเลือด เพราะจะได้ผลที่แม่นยำในการตรวจมากกว่า การที่ต้องตรวจหาเชื้อ HIV ก่อนเพราะว่าเชื้อชนิดนี้จะไม่มีการแสดงอาการออกมาให้เห็นในระยะแรกของการติดเชื้อ แต่อาการจะเริ่มแสดงออกก็ต่อเมื่อเชื้อได้ทำการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ แล้ว และถ้ามีการติดเชื้อตัวนี้อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินยาตัวนี้ เพราะไม่สามารถป้องกันได้แล้ว
2. ตรวจซิฟิลิส การตรวจหาโรคนี้เป็นอีกหนึ่งโรคที่ไม่มีการแสดงอาการของโรคออกมา แต่ถ้าหากว่าคนที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว จะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV ได้สูงมากขึ้น ยิ่งมีความเสี่ยงสูง การกินยาก็ยิ่งมีผลป้องกันได้น้อยลงตามมา
3. ตรวจหนองใน หรือหนองในเทียม ผู้ป่วยที่มีเป็นหนองใน ไม่ว่าจะเป็นหนองในแท้ หรือหนองในเทียมก็ตาม มักมีโอกาสเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อ HIV สูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคเหล่านี้ จึงเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
4. ตรวจการทำงานของไต เพราะยาชนิดนี้เป็นยาที่มีผลต่อไตรุนแรง จึงต้องทำการตรวจการทำงานของไตก่อนว่า มีการทำงานปกติหรือไม่ หากว่ามีการทำงานที่ไม่ปกติ ก็อาจทำให้ไม่สามารถรับยาตัวนี้ได้
5. ตรวจไวรัสตับอักเสบบีและซี เพราะยา PEP เป็นพิษต่อตับ การตรวจหาโรคไวรัสตับเอกเสบบีและซีก่อนทำการให้ยา จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
การตรวจ 5 โรคนี้ก่อนรับยา PEP มีความจำเป็นมากแค่ไหน
การตรวจทั้ง 5 โรคนี้ถือว่ามีความจำเป็นมาก ๆ เพราะยา PEP เป็นยาที่มีผลข้างเคียงหลายอย่าง จึงทำให้หากไม่ได้รับการตรวจและวินิจฉัยให้ดีก่อน ก็อาจจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อผู้ที่ทานยาตัวนี้เข้าไปได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้การตรวจโรคเหล่านี้ยังสามารถประเมินโอกาสเสี่ยงได้ว่า ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะติดเชื้อ HIV มากน้อยแค่ไหน
ก่อนที่จะได้รับยาชนิดนี้ต้องมีการตรวจเชื้อและทราบผลทั้งหมดก่อน จึงจะสามารถรับยาชนิดนี้ได้ เพราะการที่ให้กินยาตัวนี้ทันทีที่ไม่มีการตรวจโรคอื่น ๆ อย่างละเอียด ก็จะเกิดผลเสียต่อร่างกายร้ายแรงได้ หรือการที่ได้รับเชื้อมาอยู่แล้ว การกินยาชนิดนี้เพิ่มไป ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้เช่นเดียวกัน ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ก็จะส่งผลดีต่อตัวเองได้มากที่สุด
บทความที่น่าสนใจ
ยาเพร็พ PrEP ป้องกันเอชไอวี HIV ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาเพร็พ PrEP
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง